top of page

(BNHA fanfiction) Lose Our Minds : 1 - On the Rock(s) #TodoBaku

On the Rocks

(Lose Our Minds Series)

Pairing : #todobaku (Todoroki x Bakugo)

Author : with her percentage | Genre/Rate : -/PG-17

* warning *

Slash, AU~30%, Violent~40.45%

_____________________

เสียงชื้นแฉะของการแลกจูบที่น่าอายดังไปทั่วห้องพักของคอนโดหรูเป็นเพียงเสียงเดียวที่โสตประสาทของพวกเขารับรู้ในตอนนี้ อุณหภูมิบนผิวกายของทั้งคู่ร้อนผ่าวเมื่อร่างกายของอีกฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสัมผัสซึ่งกันและกัน

ลิ้นเรียวของร่างสูงสอดเกี่ยวตวงเอารสฝาดและกลิ่นคาวเลือดพร้อมรสแอลกอฮอล์ที่ยังติดอยู่ทั่วจากโพรงปากของคนที่กำลังเมาไม่ได้สติตรงหน้า ลืมเรื่องความเหมาะสมและทุกความผิดถูกชั่วดีหรืออะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นหลังจากค่ำคืนนี้ไปสนิท แน่นอนว่าเขายังมีสติ ถึงแม้จะไม่ครบถ้วนแต่ก็คงมากกว่าอีกคนที่ตอนนี้กำลังโอบรั้งรอบคอของเขาเข้าไปหาอย่างไร้สติและลืมตัว

ย้อนกลับไปหลายชั่วโมงก่อน

โทโดโรกิ โชโตะ ยืนอยู่หน้าเลานจ์บาร์แห่งหนึ่งไม่ไกลจากคอนโดของตัวเองโดยที่สาเหตุที่ทำให้เขายอมลุกจากเตียงของตัวเองทั้งๆ ที่กำลังจะเตรียมตัวเข้านอนแล้วนั่นก็เพราะมาจากการติดต่อของเพื่อนฮีโร่คนหนึ่ง… จริงๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนสามารถใช้คำว่า 'เพื่อน' กับคนๆ นี้ได้หรือไม่ เพราะหลายครั้งที่อีกฝ่ายก็แสดงออกมาราวกับไม่ต้องการจะผูกมิตรกับใครทั้งสิ้นบนโลกใบนี้ และเขาก็รู้ตัวดีว่าอีกฝ่ายนั้นก็ไม่มีความต้องการมากมายอะไรที่จะผูกมิตรกับตนอยู่แล้ว

ด้วยทั้งหมดทั้งมวลนั่นทำให้โชโตะยืนชั่งใจมองประตูทางเข้าอยู่นานสองนานจนในใจเริ่มคิดว่าควรจะกลับหรือเปล่า ตัวเขาเองก็นึกหาเหตุผลที่อีกฝ่ายนึกติดต่อมาหาในยามกลางดึกแบบนี้ไม่ออก จะบอกว่ามีเรื่องกับพวกวิลเลนก็ไม่น่าใช่เพราะด้วยลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายก็คงไม่คิดจะติดต่อหาคนอื่นมาเพื่อขอความช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นจิตใจที่อยากรู้ของโชโตะก็ชนะจิตใจที่ต้องการจะเมินเฉย ในที่สุดเขาก็เอื้อมมือเรียวเพื่อผลักประตูเข้าไปในร้าน

โชโตะคุ้นเคยกับเลานจ์บาร์แห่งนี้ จริงๆ จะเรียกว่าเป็นแหล่งประจำของเขาก็ได้เพราะมันอยู่ใกล้กับคอนโดที่พักอาศัยอยู่ สถาปัตย์ภายในถูกตกแต่งเป็นสไตล์ wooden small house ให้เข้ากับ wooden bar ที่ถูกออกแบบมาอย่างปราณีตและมีสไตล์ที่ผสมผสานกันออกมาได้อย่างน่าหลงไหล โดยบรรยากาศของที่นี่สามารถขับเสน่ห์และมนต์สะกดของเครื่องไม้ทุกชิ้นในร้านออกมาได้เป็นอย่างดี ส่งกลิ่นอายความเป็นโมเดิร์นรัสติคให้รู้สึกว่าไม่ว่าจะวัยรุ่นหรือวัยไหนก็สามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ที่นี่ทั้งนั้น

วันนี้คนที่บาร์ไม่เยอะเท่าไหร่ อาจจะเพราะเป็นช่วงกลางสัปดาห์ที่ทุกคนยังคงวุ่นวายกับการทำงานจึงไม่ค่อยมีใครออกมาสังสรรค์มากนัก โชโตะคิดแบบนั้นในขณะที่เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะพบว่าคนที่นัดตนออกมากำลังนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ บาคุโก คัตสึกิ นั่งกระดกเอาของเหลวสีอำพันเข้าปากโดยที่ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และเมื่อเห็นเป้าหมายในสายตา ขาทั้งสองข้างของโชโตะก็ก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

“ไง" นั่นเป็นคำแรกที่เขาเอ่ยทักออกไป

ใบหน้าของบาคุโกขมวดคิ้วมุ่นพร้อมส่งเสียงฮืดฮาดในลำคอเหมือนเป็นการตอบรับการทักทายของเขา ขวดวิสกี้ Green Label ที่ตั้งอยู่ใกล้มือบาร์เทนเดอร์ถูกยกส่งมารินลงใส่แก้วของบาคุโกอีกครั้ง โชโตะที่เห็นดังนั้นจึงหันไปสั่งเครื่องดื่มของตัวเองกับบาร์เทนเดอร์บ้าง

“วิสกี้ตัวเดียวกับเขา แต่เป็น on the rocks นะครับ ขอบคุณ" เมื่อสั่งเสร็จเขาก็หย่อนตัวเองลงนั่งบนเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยปากเพื่อเปิดประโยคสนทนากับคนตรงหน้าที่ไม่ทำอะไรแล้วเอาแต่กระดกวิสกี้สีเข้มลงคออย่างเอาเป็นเอาตายชนิดที่คนคอแข็งแบบเขาเห็นแล้วยังกลัวว่าอีกฝ่ายจะเมาจนเกินควบคุมสติไปเสียก่อน

“ค่อยๆ ดื่มก็ได้ ฉันรู้ว่านายคอแข็ง แต่นี่จะสามแก้วแล้วนะตั้งแต่ฉันเพิ่งมาถึงน่ะ" โชโตะพูดขึ้นพลางถือวิสาสะยื่นมือของตัวเองไปจับข้อมือของคนอารมณ์บูดตรงหน้าเอาไว้ เมื่อตัวเขาเองเห็นว่าใบหน้าไม่สบอารมณ์ของบาคุโกขมวดมุ่นมากกว่าเดิมก็ละฝ่ามือออกมาจากข้อมือนั่นและปล่อยให้อีกฝ่ายกระดกวิสกี้อีกแก้วลงคอไปอย่างช่วยไม่ได้

เขาไม่รู้ว่าบาคุโกหงุดหงิดอะไรมาหรอก แต่การกระดกวิสกี้ชั้นดีแบบนี้ลงไปโดยที่ไม่คิดจะซึมซับรสชาติและความหอมที่เป็นเสน่ห์ของมันถือว่าเป็นอะไรที่ไม่สมควรเอาเสียเลย และนั่นมันก็ทำให้เขาแอบรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย

“ถ้าจะเรียกฉันออกมาดึกดื่นเพื่อให้มานั่งดูนายดื่มเอาเป็นเอาตายแบบนี้ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ฉันไม่ตามเก็บศพนายแน่ๆ ถ้านายหมดสติหรือเผลออาละวาดน่ะ" โชโตะพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีหันมาคุยกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย บาคุโกยังคงไม่หันมาสนใจเขาและยังคงนั่งส่งเสียงฮืดฮาดเหมือนกำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่างอยู่ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ขั้นสุด ฝ่ามือของอีกฝ่ายที่กำเข้าหากันแน่นขนาดนั้นทำให้โชโตะนึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดถามอะไรออกไป

การข่มอารมณ์จากเรื่องอะไรมาสักอย่างที่อีกฝ่ายกำลังเผชิญอยู่นั่นเป็นเครื่องบ่งบอกได้อย่างดีว่าบาคุโกเรียนรู้ที่จะโตขึ้นมากแล้วหลังจากที่พวกเราจบจากโรงเรียนมัธยมปลายยูเอย์ ถึงแม้ทั้งเขาและอีกฝ่ายจะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ในบรรดาเพื่อนๆ ทุกคนที่เรียนมาด้วยกันก็ดูเหมือนจะเป็นคนตรงหน้านี่แหละที่เขาได้เจอบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะเจอกันโดยบังเอิญบ้างหรือเจอกันในภารกิจบ้าง แต่ก็ดูเหมือนการพบกันทุกครั้งแทบจะไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะไม่เห็นคนโมโหง่ายคนนี้จะแสดงท่าทางยินดีออกมาให้เห็น ‘ไอ้เวรครึ่ง' มักจะเป็นคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกตนเสมอเมื่อได้เจอหน้า เขาเองก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจนักหนา แต่ก็นั่นแหละ บาคุโกก็คือบาคุโก เขาแทบจะไม่เคยเห็นหมอนี่พูดดีๆ กับใครสักครั้งอยู่แล้ว

โชโตะจ่ายเงินค่าเหล้าของตัวเองเมื่อแก้ว on the rock ถูกบาร์เทนเดอร์ยื่นมาวางตรงหน้า เขายกมันขึ้นมาจิบทีละนิดเพื่อซึมซับเอาความหอมหวานของวิสกี้ชั้นดีเข้าสู่ประสาทสัมผัสก่อนจะเอียงใบหน้าของตนหันข้างนิดหน่อยเพื่อจับจ้องไปยังใบหน้าขุ่นมัว และรอให้อีกฝ่ายเป็นคนพูดอะไรออกมาบ้างเพราะเขาเองนั้นหยุดความคิดที่จะเปิดปากชวนบาคุโกคุยไปแล้ว โชโตะรู้ดีว่าต่อให้ในตอนนี้ตัวเองจะพูดอะไรออกไปให้กับคนที่กำลังนั่งขมวดคิ้วเป็นปมก็คงไม่ยอมตอบกลับเขามาหรอก

พอคิดได้แบบนั้นก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้ในตอนนี้ อย่างน้อยก็คงต้องรอจนกว่าบาคุโกจะยอมเปิดฝ่ายเปิดปากพูดออกมาเอง โชโตะคิดแบบนั้นก่อนที่เขาจะหันไปบอกให้บาร์เทนเดอร์หยุดรินเหล้าให้อีกฝ่ายแล้วเอาน้ำเปล่าส่งไปให้แทนสักแก้ว

เขาไม่รู้หรอกว่าบาคุโกเป็นอะไรและดื่มวิสกี้นี่เข้าไปกี่แก้วแล้ว แต่การกระหน่ำดื่มวิสกี้นีทเข้าไปแบบนั้นไม่เป็นผลดีในตอนท้ายแน่ๆ

ใครๆ ก็รู้ว่าเวลาบาคุโกเมาน่ะทำตัวแย่แค่ไหน...

“รินเหล้า อึก– รินมาอีก..” คำพูดถูกผู้ใช้แผ่น้ำเสียงต่ำกดบังคับให้ผู้ที่ได้รับฟังทำตาม ถึงแม้นั่นจะเป็นคำพูดแรกของอีกฝ่ายที่โชโตะได้ยินแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกยินดีเสียเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายยอมเปิดปากพูดสักที นั่นเพราะบาคุโกเมาแล้ว อาการสะอึกกับเสียงที่ฟังดูอ้อแอ้นั่นเป็นเครื่องยืนยันได้ดี

โชโตะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเล็กน้อยก่อนส่ายหัวแล้วไม่อนุญาตให้บาร์เทนเดอร์รินเหล้าให้กับคนเมาที่กำลังทำเสียงขู่ฟ่อๆ

'เป็นแมวหรือไง' – เขาคิดแบบนั้นในใจในขณะที่จับจ้องไปยังใบหน้าบูดบึ้งของบาคุโกที่ยังคงมองเขม็งพร้อมออกเสียงสั่งให้บาร์เทนเดอร์รินเหล้าให้ไม่หยุดไม่หย่อน

“พอแล้วบาคุโก นายเมาแล้ว" ถึงแม้โชโตะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะฟังที่ตนพูดไหมแต่เขาก็ต้องปรามเมื่อเห็นว่ามือเรียวของอีกฝ่ายกำลังจะกระแทกแก้วในมือลงกับบาร์ ดีไม่ดีหมอนี่อาจจะใช้อัตลักษณ์ระเบิดแก้วให้แตกคามือไปเลยก็ได้ และนั่นก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายหากปล่อยให้อีกฝ่ายใช้พลังในที่สาธารณะโดยไม่ถูกวิธี เขาจึงตัดสินใจยื่นมือไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้อีกครั้งก่อนรีบเลื่อนไปขโมยแก้วมาจากฝ่ามือที่ตอนนี้อ่อนระทวยไปหมด

'ไม่ไหวแล้วยังจะฝืนอีก' – โชโตะถอนหายใจออกมาหลังจากคืนแก้วเหล้าให้กับบาร์เทนเดอร์แล้วดันแก้วน้ำเปล่าให้อีกฝ่ายแทน "ดื่มนี่เข้าไปจะช่วยนายได้ อย่างน้อยก็ช่วยได้นิดหน่– … ซ่า!" ยังไม่ทันที่ตัวเขาเองจะพูดจบประโยคก็ถูกคนเมาสาดน้ำในแก้วที่ตัวเองเพิ่งจะยื่นไปให้เข้ามาเต็มหน้าจนเปียกท่อนบนจนรู้สึกชุ่มไปหมด

คิ้วของโชโตะกระตุกนิดๆ มือเรียวของตัวเองถูกยื่นออกไปคว้าคอเสื้อเชิร์ทสีดำที่อีกฝ่ายสวมใส่เอาไว้พร้อมรั้งให้เข้ามาใกล้อย่างไม่ทันจะได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เขารู้ว่าบาคุโกเป็นคนนิสัยไม่ดีและรั้นเสียจนน่ารำคาญ แต่นี่มันชักจะเหลืออดจนเกินจะทนแล้ว ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันพร้อมใบหน้าสะใจที่อีกฝ่ายแสยะอยู่ก็ยิ่งรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดจนแทบอยากจะชกเข้าที่ใบหน้าเกเรนั่นสักหมัดให้คนที่ทำตัวไม่ดีคนนี้ได้สติสักที

แต่พอคิดได้ว่าต่อให้คนตรงหน้าตัวเองได้สติไปก็ยังคงทำตัวนิสัยไม่ดีแบบนี้อีกอยู่ดี โชโตะก็เหมือนจะปลงขึ้นมา ฝ่ามือที่กำลังรั้งคอเสื้อของอีกฝ่ายจึงคล่อยๆ คลายออกพร้อมกับการผ่อนลมหายใจเพื่อให้ตัวเองใจเย็น แต่ไม่ทันที่มือเรียวของตัวเขาเองจะปล่อยจากคอเสื้อนั่น "ถุย–!”

บาคุโกถ่มน้ำลายรดหน้าเขาแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ความรู้สึกฉุนกึกแล่นขึ้นตรงมาตามสันหลังวาบไปตามเส้นประสาททั่วร่าง ความโกรธที่พุ่งพล่านขึ้นมาทำให้ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเหลืออดกับคนตรงหน้าเกินกว่าจะใจเย็นไหว มืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกใช้งานอะไรซัดเข้าที่แก้มของคนมารยาททรามก่อนที่จะถูกห้ามปรามจากบาร์เทนเดอร์ได้ทัน

และเหมือนว่าคนที่เพิ่งโดนต่อยไปหยกๆ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับหมัดหนักๆ นั่นเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังส่งเสียงหัวเราะในลำคอพร้อมแสดงใบหน้าที่ส่อแววสะใจต่อไปอีก

โทโดโรกิสบถหยาบคายออกมาอย่างห้ามไม่ได้กับกิริยาไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวจนน่ารำคาญนั่น และถึงแม้ต่อให้ความหงุดหงิดจะครอบงำตัวเขามากเพียงใดแต่เขาก็คงไม่มีทางคิดจะวิวาทกับอีกฝ่ายกลางเลาจน์บาร์สาธารณะแบบนี้เพื่อเป็นการดับฝันการเป็นโปรฮีโร่ของตัวเองแน่ๆ ฝ่ามือที่ยังคงกอบกุมคอเสื้อของอีกฝ่ายออกแรงลากเจ้าของต้นเหตุแห่งความน่าหงุดหงิดในค่ำคืนนี้ออกมาจากสถานที่อโคจรโดยที่ไม่ลืมให้ทิปแก่บาร์เทนเดอร์ตามมารยาท

โชโตะตรงไปที่ซอกตึกอับมุมสักที่ก่อนจะเหวี่ยงร่างที่ประคองตัวเองแทบจะไม่ได้ของบาคุโกลงบนพื้นปูนอย่างไม่ใยดีว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือเปล่า ไม่บ่อยนักที่เขาจะโมโหแบบนี้ แน่นอนตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปเมื่อโตขึ้น ในตอนนี้เขาไม่ได้เป็นคนที่ใจเย็นหรือทำตัวเฉยชากับสิ่งรอบข้างเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาในตอนนี้แทบจะบังคับให้ตัวเองใจเย็นเวลาที่เจอเหตุการณ์ชวนหงุดหงิดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และในเหตุการณ์ตอนนี้ก็เช่นกัน เขาไม่อยากทำร้ายบาคุโกแต่หมอนี่กลับกวนประสาทไม่เลิกราจนทำให้รู้สึกหงุดหงิดไปหมด เขาใช้อัตลักษณ์ในการวิวาทไม่ได้เพราะมันผิดกฎหมาย แต่เพราะอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าตนเองจะควบคุมพลังได้หรือไม่

คัตสึกิยังคงแค่นเสียงหัวเราะออกมาอยู่ถึงแม้ร่างของเขาจะนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้นปูนเย็นเฉียบและไม่สนใจความเจ็บปวดที่แก้มของตัวเองเลยแม้แต่น้อย คืนนี้เขาเจอมาหนักมากและไม่คิดว่าตัวเองจะอยากให้ใครมาเข้าใจสิ่งที่เขาเจอด้วยซ้ำ แต่ไหงพอกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ส่งข้อความไปหาไอ้เวรครึ่งนี่แล้ว… ไม่ได้อยากให้โผล่หน้ามาสักนิด ไม่ได้อยากให้ใครมาหาเลยสักนิด… พอคิดได้แบบนั้นความรู้สึกที่ชวนหงุดหงิดตัวเองก็พาลทำให้เผลอทำอะไรงี่เง่าลงไปจนได้

แต่ก็อย่างว่า มันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับอีกฝ่ายที่จะเห็นว่าเขาทำตัวไม่ดีแบบนี้ ตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดที่จะปฏิบัติตัวดีๆ กับใครอยู่แล้ว มันกลายเป็นนิสัยส่วนลึกไปแล้วทั้งการกระทำที่หยาบคายรวมถึงคำพูดต่างๆ ที่ออกมาจากปาก

–ไม่ได้อยากให้มาเข้าใจสักนิด ไม่ต้องการให้ใครมาเข้าใจสักนิด… ไอ้บ้าเอ้ย! ทำไมน้ำตาเวรนี่ต้องรื้นขึ้นมาด้วย!

คัตสึกิหยุดหัวเราะไร้สาระ เขี้ยวคมรวมถึงฟันขาวถูกขบลงบนริมฝีปากตัวเองอย่างอดกลั้น เขาพยายามฮึดจมูกกลั้นน้ำใสที่คลอหน่วยใกล้ไหลเต็มทน – เขาจะร้องไห้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ต่อหน้าไอ้เวรเพี้ยนนี่…

“น่าหงุดหงิดเป็นบ้า" เขาพูดขึ้นมา พยายามกดเสียงต่ำเหมือนทุกทีแต่ดูเหมือนฤทธิ์แอลกอฮอล์จะไม่ให้เขาได้ทำอย่างที่หวังเพราะเสียงที่เปล่งออกมานั้นกลับแผ่วเบาและขาดช่วง คัตสึกิเกลียดเวลาที่ตัวเองรู้สึกเหมือนกำลังจะอ่อนแอแบบในตอนนี้… เกลียดทุกความรู้สึกที่เหมือนตัวเองเป็นรองโดยที่ควบคุมอะไรไม่ได้แบบนี้…

เหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำไหลย้อนเข้ามาฉายภาพซ้ำไปซ้ำมาในหัวราวกับต้องการตอกย้ำให้เขารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและยอมรับมันให้ได้ แต่ไม่… เขาไม่มีทางจะยอมรับเรื่องบ้าๆ นั่น ความขมขื่นที่จุกปรี่อยู่ตรงคอจนอึดอัดไปทั่วช่วงอกทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนจนแทบอยากอาเจียนเผื่อจะเอาเรื่องน่าขยะแขยงนั่นออกมาให้ลืมๆ ไปหากทำได้

ฝ่ามือที่พาดทับใบหน้าของตัวเองกำลังขยับกำหมัดแน่นก่อนที่คัตสึกิเองจะทุบมันลงกับพื้นซีเมนต์เย็นๆ ใต้ร่างแรงเสียจนคนผมสองสีที่ยืนมองไม่ไกลอยู่เผลอสะดุ้งเพราะตกใจ

โทโดโรกิไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายกำลังเป็นบ้าอะไรอยู่ แต่เขารู้ว่าตัวเองกำลังไม่สบอารมณ์จนแทบคลั่งที่อีกฝ่ายเอาแต่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นความเป็นห่วงอดีตเพื่อนร่วมห้องก็ยังรั้งสติให้เขาใจเย็นก่อนที่ตนจะเผลอลงมือทำร้ายอีกฝ่ายไปอีกรอบ ก่อนที่ตนจะขยับขาพาร่างเดินมาใกล้อีกฝ่ายที่นอนแผ่อยู่บนพื้นราวกับไม่รังเกียจเลยว่ามันจะสกปรกแค่ไหน

คัตสึกิยกแขนอีกข้างขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตัวเองไว้แทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกคนเดินใกล้เข้ามา ไม่… เขาจะให้ไอ้เวรเพี้ยนนี่เห็นไม่ได้ว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน… 'อ่อนแอเกินไป… จะให้ใครเห็นไม่ได้…' ความคิดที่เต็มไปด้วยอีโก้ของคนที่วางทิฐิตัวเองไม่เป็นกรีดร้องดังลั่นไปทั่วโสตประสาท ทุกอย่างอื้ออึงไปหมดแทบจะไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลยนอกจากเสียงกรีดร้องของตัวเองที่ดังหลอกหลอนจนเผลอขยับมือทั้งสองไปเลื่อนปิดใบหูราวกับไม่ต้องการรับรู้หรือได้ยินอะไรทั้งนั้น

ท่าทางที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายทำให้โทโดโรกิแปลกใจ แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้พอที่จะเห็นใบหน้าและการกระทำของอีกฝ่ายแบบชัดเจนก็ทำให้ตนเองตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก

ใบหน้าของบาคุโกบิดเบี้ยวอย่างขมขื่น ริมฝีปากล่างที่ถูกฟันขบแน่นจนห้อเลือดและท่าทางเหมือนกำลังทรมานอยู่แบบนั้นอีก… โทโดโรกิยืนขาแข็งมองสภาพอีกฝ่ายตรงหน้าแบบไม่รู้ควรต้องทำอย่างไร เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นบาคุโกแสดงท่าทางที่อ่อนแอออกมามากขนาดนี้เลย

ร่างกายของอีกฝ่ายเริ่มสั่นจนน่าเป็นห่วง เขาจึงย่อตัวลงไปใกล้เพื่อต้องการเรียกให้อีกฝ่ายได้สติ แต่พอนั่งย่อลงไปก็ยิ่งเห็นว่าใบหน้าอีกฝ่ายมีรอยช้ำมากมายที่ปรากฎอยู่ อาจจะเพราะก่อนหน้านี้ไฟในบาร์มันทำให้รอยแดงหลายจุดถูกกลืนไปกับแสงสี แต่ในตอนนี้โทโดโรกิเห็นแทบจะทุกรายละเอียดผิดปกติที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของบาคุโก

ปลายจมูกรั้นนั่นแดงมากพอพอกับเปลือกตาที่เหมือนจะถูกขยี้หลายครั้งจนเกือบช้ำ เขาเห็นรอยฝ่ามือไม่หนักมากนักที่บริเวณสันกรามของอีกฝ่าย พอเห็นอย่างนั้นสายตาของเขาก็เลื่อนลงไปต่ำตามสัญชาตญาณการสำรวจ และตัวเขาเองก็ตกใจในสิ่งที่เห็นจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสบถหยาบคายที่ตัวเองกำลังจะเปล่งเสียงออกมาแทบจะในทันที รอยช้ำมากมายที่ดูยังไงก็เกิดจากการถูกสัมผัสอย่างหยาบโลน รอยฟันจำนวนมากบนลำคอจนถึงไหปลาร้ารวมถึงรอยครูดเหมือนถูกเล็บของใครสักคนจิกรูดจนเกิดรอยถลอกไม่ลึก นั่นเยอะแยะจนเผลอทำให้เขาคิดไปว่าใครเป็นคนทำรอยทั้งหมดนี่กัน ยังไม่รวมถึงรอยฝ่ามือที่ปรากฎขึ้นรอบคอมีขนาดเดียวกับรอยที่ปรากฎบนสันกรามอีกฝ่ายนั่นอีก… ร่างกายของโทโดโรกิสั่นเทาราวกับกำลังเก็บกลั้นความรู้สึกบางอย่างไว้ภายในในขณะที่สายตายังคงมองหาและคิดวิเคราะห์ว่าอีกฝ่ายไปเจอกับเหตุการณ์อะไรมา

บาคุโกที่ไม่รู้ตัวว่าตนกำลังถูกจับจ้องเปลี่ยนท่าทางไปนอนตะแคงขดตัวสั่นและเหมือนไม่ได้สนใจแล้วด้วยซ้ำว่ายังมีอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ ฝ่ามือทั้งสองข้างที่ยังคงกดปิดใบหูแน่นนั่นแสดงออกมาอย่างชัดเจนเหมือนว่าเขาต้องการจะปิดกลั้นตัวเองจากอะไรสักอย่าง

“อย่า...” เสียงขาดช่วงดังแผ่วเบาออกมาจากปากของบาคุโก เสียงนั่นเบาหวิวเสียจนโทโดโรกิแทบจับใจความอะไรไม่ได้ เขาถือวิสาสะเอื้อมมือไปหวังจะเขย่าเรียกให้อีกฝ่ายได้สติแต่พอทันทีที่ฝ่ามือของเขาแตะเข้าที่แขนของบาคุโก เสียงตะคอกต่ำๆ ก็ถูกตะเบ็งขึ้นมาโดยที่อีกฝ่ายยังคงนอนขดอยู่แบบนั้น "อย่ามาแตะต้องฉัน!!! ออกไป!!! ไอ้เวรเนิร์ด! ฉันบอกให้แกออกไป!!!!!!!”

ราวกับโลกของโทโดโรกิแทบจะหยุดหมุนทันทีที่ได้ยินสรรพนามที่คุ้นหู

‘ไอ้เวรเนิร์ด' ... หมายถึงมิโดริยะน่ะเหรอ ?

- Lose Our Mind 100% (PART I) -

talk.♥︎

ฮือ ตอนนี้ติดฮีโร่มากๆ เลยค่ะ... แล้วมาติดตอนเปิดเทอมด้วย |||Orz

ดองทุกอย่างแต่ฮีโร่เป็นข้อยกเว้นเลยตอนนี้

ไว้จะเขียนฉากเรป(ข่มขืน)แยกจากตอนนี้ของคู่เดกุคัตจังให้นะคะ!

หวังว่าทุกคนจะชอบเรื่องนี้นะคะ ฝากไว้ให้เอ็นดูโทโดบาคุด้วยน้า~

ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนเลยค่ะ!

ป.ล. มาหวีดฟิคด้วยกันได้ที่ twitter@blinqarn นะคะ~

ป.ล.2 เค้าเปิดคอมมิชชั่นฟิค/งานเขียนด้วยแหละ ขายของหน่อย รายละเอียดดูในลิงค์เน้อ

https://goo.gl/hn425h (best view support on PC browser) *✧

bottom of page