top of page

(FFXV fanfiction) One More Light #FFXV

One More Light

Pairing : #FFXV (don’t have), maybe #promptis #ignoct #gladnoct

Author : with her percentage | Genre/Rate : OS/PG

* warning *

-

_____________________

ถ้าฉันกล้าพอที่จะยื่นมือไปไขว่คว้าแผ่นหลังนั่นไว้ในวันนั้น…

ณ ตอนนี้… พวกเราก็อาจจะได้อยู่ด้วยกันก็ได้

ถ้าฉันกล้ามากพอในวันนั้น…

ในวันนี้ไม่ว่าเขาจะอยู่ ณ ที่ไหน ฉันอาจจะยังได้อยู่เคียงข้างเขาก็ได้

ถ้าในวันนั้น ฉันเข้มแข็งและปกป้องเขาได้มากกว่านี้…

ในวันนี้ เขาคงจะไม่จากพวกเราไปแบบนี้

นภามืดมิดไม่มีแสงตะวันมาเยือนนานนับตั้งแต่ที่น็อคทิสหายตัวเข้าไปในคริสตัลเมื่อสิบปีก่อน

ระยะเวลานั่นนานมากพอจะทำให้พวกเราที่ยังอยู่ตรงนี้แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าความรู้สึกครั้งละอ่อนสมัยที่เป็นคณะเดินทางขององค์ชายมันเป็นยังไง พวกเราเคยได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันบนถนนที่แสนจะยาวไกลที่อยู่ข้างนอกนั่น แวะค้างแรมพักคืนตามเมืองหรือปั๊มน้ำมันที่ขับรถผ่าน หรือไม่ก็กางเต๊นท์ค้างแรมรับน้ำค้างท่ามกลางคืนที่ฟ้าสว่างหรือแม้จะเป็นคืนที่พายุกระหน่ำพร้อมมื้ออาหารที่แสนจะอร่อยจากอิกนิส

คิดถึง…

นั่นคือความรู้สึกที่หวนกลับมาทุกครั้งที่พรอมพ์โตเปิดดูรูปความทรงจำมากมายที่อัดอยู่ในกล้องตัวเก่ง

กาแฟที่เคยร้อนบนโต๊ะกลับเย็นชืดเมื่อคนที่เป็นเจ้าของแก้วไม่คิดจะแตะมันแม้แต่น้อย

นี่เป็นอีกคืนที่พรอมพ์โตพาตัวเขาเองมาจมกับภวังค์แห่งอดีตในร้านอาหารที่แฮมเมอร์เฮด…

- One More Light -

ดารารายฉายแสงทั่วฟ้ารัตติกาล มันเคยสวย… อย่างน้อยก็ครั้งนึงในอดีตเมื่อสิบปีก่อน

พรอมพ์โตเงยหน้ามองผกายที่ส่องระยิบระยับแต้มแสงให้นภามืดมิดเบื้องบนอย่างเหม่อลอยพร้อมใจที่หวนคำนึงถึงใบหน้าของเพื่อนสนิทที่หายไปนานนับสิบปี

‘น็อคท์จะเป็นยังไงบ้าง ?’

‘น็อคท์จะสบายดีหรือเปล่า ?’

'น็อคท์จะดูเปลี่ยนไปบ้างไหมนะ ?’

ในขณะที่พวกเราสามคนยืนอยู่หน้าร้านอาหารที่แฮมเมอร์เฮดหลังจากได้ข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของน็อคทิสจากสายของทาลคอทท์ ความคิดที่อยากรู้เกี่ยวกับอีกฝ่ายมากมายจนพรอมพ์โตเริ่มจะอยู่ไม่นิ่ง เขายืนสั่นขาอย่างคนใจร้อนพร้อมกับทอดมองออกไปยังถนนที่ยังคงทอดไกลไปในความมืดอย่างใจจดจ่อ

จนในที่สุด รอยยิ้มแห่งความสุขที่พวกเราเองก็ต่างแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่ามันเป็นยังไงก็ถูกเติมแต้มขึ้นมาบนใบหน้าของแต่ละคนเมื่อเพื่อนสนิทอีกคนของพวกเขา หรือนั่นคือองค์ชายแห่งอาณาจักรลูซิสปรากฎกายตรงหน้า

เสียงหัวเราะและการพูดคุยที่แต่ละคนก็ต่างคิดถึงดังไปทั่วบริเวณรถนอน

ความอบอุ่นที่ไม่คิดว่าจะกลับมาได้รับอีกครั้งกำลังทำให้น็อคทิสอิ่มเอมใจและเกินจะเชื่อว่าทั้งหมดที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้คือความจริง

เขากลับมาและได้อยู่กับทั้งสามคนอีกครั้งเหมือนในอดีต

คิดถึง… และไม่อยากจากไปไหนอีก

แต่เขารู้หน้าที่ของตัวเองดีถึงเหตุผลที่ตัวเองเข้าไปในคริสตัลนั่นและกลับมาอีกครั้ง

เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาหวังไม่มีทางเป็นจริง และเขาเองก็รู้ดีว่าทั้งสามคนก็รับรู้ถึงเรื่องพวกนั้น

น็อคทิสแต้มยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าและมองไปรอบกาย พวกเขากำลังนั่งล้อมกันเป็นวงแบบที่เคยชอบทำกันเมื่อหลายสิบปีก่อน นัยน์สีรัตติกาลเฉกเช่นเดียวกับเส้นผมของตนกำลังกวาดตามองใบหน้าของเพื่อนๆ ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและภายใต้รอยยิ้มแห่งความสุขที่ถูกฉาบบนใบหน้าของแต่ละคนนั้น…

… พรอมพ์โตที่กำลังเล่าเรื่องตลอดสิบปีที่ผ่านมาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในบางช่วง น็อคทิสรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ของเขากำลังปกปิดความเศร้ามากมายขนาดไหนไว้ข้างในจิตใจที่แสนจะแข็งแกร่งนั่น

… ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ดังมากๆ จากกลาดิโอ เขารู้ดีว่าชายคนนี้เข้มแข็งและพร้อมที่จะปกป้องเขาจากภัยอันตรายเสมอ ถึงแม้ในตอนนี้ชายคนนี้กำลังดูมีความสุข แต่มือที่กำลังกำแน่นจนแทบจะแดงไปหมดทำให้น็อคทิสรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามทำใจยอมรับในเรื่องที่กำลังจะมาถึงมากแค่ไหน

… และสุดท้าย เสียงเอ็ดไม่ดังนักของอิกนิสที่กำลังดุให้พรอมพ์โตและกลาดิโอเสียงเบาลงมากกว่านี้หน่อย ชายผู้เป็นแทบจะพ่ออีกคนของเขานับตั้งแต่ที่เขายังคงจำความได้ คนดูแลหรือเพื่อนสนิท… ไม่ว่าในจะฐานะอะไร อิกนิสคือชายผู้ยอมเสียสละตัวเองและที่จะให้ได้แม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องว่าที่กษัตริย์อย่างเขา น็อคทิสรู้ดีว่าภายในจิตใจของอิกนิสเจ็บปวดมากเพียงใดถึงแม้เขาจะไม่แสดงมันออกมาให้เห็นก็ตาม

ลมหายใจขององค์ชายแห่งลูซิสสูดเข้าลึกเพื่อพยายามกลั้นทนบน้ำตาที่รู้สึกเหมือนกำลังจะเอ่อล้นเบ้า ก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ตรงคอทำให้เขาอึดอัดจนต้องอ้าปากกอบโกยอากาศเข้าไปในปอดก่อนที่น็อคทิสจะหลับตาลงช้าๆ

เขาซึมซับเสียงต่างๆ รอบตัวในตอนนี้

มันคือความทรงจำที่มีค่าและแสนคิดถึงหลังจากที่เขาห่างหายไปนาน

แต่ไม่นานนักเสียงของพวกนั้นก็เงียบลง เงียบไปจนเป็นฝ่ายน็อคทิสเองที่เอะใจว่าเกิดอะไรและลืมตาขึ้นมามอง

เขาพบว่าทั้งสามคนนั่งนิ่งและหันมาหาเขา พรอมพ์โตและกลาดิโอส่งสายตาที่ตัวเขาเองต่างก็รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร เสียงถอนหายใจที่ลอบดังออกมาเบาๆ จากอิกนิสยิ่งทำให้สถานการณ์ตอนนี้อึดอัดราวกับว่าความสุขเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้น

ใบหน้าของพรอมพ์โตเริ่มบูดเบี้ยวในขณะที่เขากำลังจะเริ่มพูดบางอย่าง และกลาดิโอก็หันหนีไปอีกทางเมื่อเขาหันไปสบตา

“ฉัน… ขอโทษ"

เพราะน็อคทิสไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปในตอนนี้ ไม่ใช่ว่าตัวเขาเองไม่มีเรื่องที่อยากจะพูด แต่เขาแค่ไม่รู้ว่าจะต้องพูดมันออกไปยังไง

เป็นฝ่ายอิกนิสที่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง อิกนิสรู้ดีว่าการที่น็อคทิสกลับมาเพราะอีกฝ่ายมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องทำให้สำเร็จ ภารกิจสำคัญที่พวกเขาต้องเป็นกำลังให้องค์ชายอีกครั้ง… สุดท้ายความเงียบที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวแล้วเป็นฝ่ายตัดบทบอกให้ทุกคนเข้านอนอย่างที่เคยทำเหมือนเมื่อก่อน

“นอนเถอะ พวกเราต่างก็รู้ดีว่าพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางกันอีกครั้ง"

ใช่แล้ว… ในวันพรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันอีกครั้ง – ทั้งน็อคทิส อิกนิส พรอมพ์โต และกลาดิโอคิดพึมพำขึ้นในใจ เสียงเบาหวิวในความคิดนั่นสั่นคลอนจนแทบจับเส้นเสียงในความคิดกันไม่ได้

'การเดินทางครั้งสุดท้ายของพวกเรา'

- One More Light -

~75%~

bottom of page